ภาพรวมตลาด
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาดที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ในสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัวหลังสิ้นสุดฤดูขับรถหน้าร้อน ขณะเดียวกัน สัญญาณการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบที่ศูนย์กลาง Cushing ก็เริ่มชะลอตัวลง อีกทั้งโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐฯ มีอัตราการเดินเครื่องลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่ยังคงกดดันราคาน้ำมันในช่วงเข้าสู่เดือนกันยายน ซึ่งตามฤดูกาลแล้วเป็นช่วงที่การบริโภคพลังงานมีแนวโน้มลดลง
ในระดับมหภาค ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากอินเดียสูงถึง 50% เพื่อตอบโต้การที่อินเดียยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย มาตรการดังกล่าวไม่เพียงสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก แต่ยังเพิ่มความเปราะบางต่อเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานพลังงาน แม้อินเดียยังคงยืนยันเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่การขึ้นภาษีในระดับนี้ย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมการค้าพลังงานในอนาคต และอาจเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อความเชื่อมั่นในตลาดโดยรวม
อีกหนึ่งปัจจัยลบที่สำคัญคือการคาดการณ์ของ Goldman Sachs และ IEA ซึ่งสอดคล้องกันว่าตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะอุปทานส่วนเกินในระดับสูง โดย IEA คาดการณ์ว่าปี 2025 จะมีอุปทานเพิ่มขึ้นถึง 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่อุปสงค์ขยายตัวเพียง 700,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้เกิดส่วนเกินเฉลี่ยราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน และอาจพุ่งแตะ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงปลายปี นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของกองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรที่ลดสถานะซื้อ (long position) ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดน้ำมันเบรนท์ถูกมองว่ามีแนวโน้มอ่อนแอทั้งในระยะกลางและยาว
แม้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย–ยูเครน หรือเหตุโจมตีท่อส่งพลังงานในยุโรป จะยังมีโอกาสสร้างแรงหนุนชั่วคราว แต่ล่าสุดสัญญาณการเจรจาหยุดยิงระหว่างยูเครนกับพันธมิตรยุโรปกลับกลายเป็นปัจจัยที่ลดแรงเก็งกำไรฝั่งขาขึ้นลงไปอีก ยิ่งไปกว่านั้น บรรยากาศการลงทุนที่ระมัดระวังมากขึ้นหลังผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Nvidia ออกมาต่ำกว่าคาด ก็ยิ่งซ้ำเติมแรงกดดันในตลาดการเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ท่ามกลางปัจจัยลบทั้งเชิงเศรษฐกิจมหภาคและโครงสร้างอุปสงค์–อุปทานที่ไม่สมดุล
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
XBRUSD
ราคาของ XBRUSD ยังคงเคลื่อนไหวอยู่บริเวณกรอบแนวต้านสีแดงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงขายที่กดดันไม่ให้ราคาสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้อย่างชัดเจน ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถฝ่าขึ้นไปเหนือกรอบดังกล่าวได้ ก็ยังคงมีความเป็นไปได้สูงที่แรงกดดันฝั่งขายจะกลับมามีอิทธิพลและทำให้ราคาปรับตัวลงต่อไปอีก ทั้งนี้กรอบแนวต้านสีแดงยังคงทำหน้าที่เป็นด่านสำคัญในการจำกัดการปรับขึ้นของราคา และหากยังไม่สามารถยืนเหนือกรอบนี้ได้อย่างมั่นคง แนวโน้มในภาพรวมก็ยังเอื้อให้การปรับตัวลง ทั้งนี้ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 65.62 ดอลลาร์
XBRUSD (H4)
